บริการสืบค้น
Custom Search
21:53 | เขียนโดย
noui004 |
แก้ไขบทความ
สถานที่ตั้งของวัด
วัดสวนดอกตั้งอยู่เลขที่ 139 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ห่างจากประตูสวนดอกไปทางทิศตะวันตก 1 กิโลเมตร อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
พื้นที่ของวัด
วัดสวนดอกมีเนื้อที่ประมาณ 35 ไร่
นามเดิมของวัดสวนดอก
วัดสวนดอกนามเดิมมีว่า “วัดบุปผาราม” ซึ่ง พระราชทานนาม โดยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ทรงพระราชทานพระราชอุทยานสวนดอกไม้สร้างวัด ตามตำนานเดิมกล่าวว่าบริเวณที่เป็นอุทยานดอกไม้นั้น เต็มไปด้วยต้นพะยอม จึงเป็นที่มาของนามเดิม วัดสวนดอก โดยคำว่า บุปผา ซึ่งเป็นภาษาบาลี แปลว่า สวนดอกไม้ ต่อมาชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า วัดสวนดอก
ประวัติวัดสวนดอก
วัดสวนดอกเป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่ง ของเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ซึ่งเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 6 ของราชวงศ์เม็งราย แห่งอาณาจักรล้านนา โดยพระเจ้ากือนา ทรงสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพราะทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากโดยตำนานเดิมกล่าวว่า พระองค์ทรงสร้างเพื่อถวายแก่พระสุมนะเถระ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชประทับอยู่ที่วัดนี้ พระสุมนะเถระได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแก่พระเจ้ากือนา ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยองค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดสวนดอก ส่วนอีกองค์หนึ่งได้ประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยสุเทพนอกจากนี้ พระองค์ทรงสร้างวัดสวนดอกขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และพระพุทธศาสนิกชน ต่อมาในสมัยที่นครเชียงใหม่ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงรัตนโกสินทร์ เชียงใหม่จึงอยู่ในฐานะเปรียบเสมือนเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ทางรัฐบาลได้เห็นความสำคัญจึงส่งเสริมในด้านกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยได้ยกย่องชมเชย วัดสวนดอก ว่าบรรยากาศภายในวัดสวยงาม จึงได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างจากรมการศาสนา เมื่อปีพ.ศ.2509 และในวันที่ 10 กรกฎาคม 2533 ก็ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ
โบราณสถานและโบราณวัตถุ ภายในวัดสวนดอก
วัดสวนดอกเป็นแหล่งโบราณวัตถุที่สำคัญมากมายได้แก่
๑. พระพุทธประธาน เป็นพระพุทธรูปปั้นแบบปางมารวิชัย พระพุทธประธานนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เมื่อประมาณปี พ.ศ.1917-1920 ประดิษฐานในพระวิหารหลวงของวัดสวนดอก
๒. พระพุทธรูปองค์ยืน กล่าวกันว่าสร้างขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย ยอดนักบุญแห่งล้านนา โดยครูบาศรีวิชัยได้สร้างขึ้นเมื่อครั้งท่านได้บูรณะพระวิหารวัดสวนดอกเพื่อให้เป็นพระพุทธรูปปางเพ่งอนิมิสเจดีย์ พระพุทธรูปองค์ยืนนี้ได้ตั้งอยู่ด้านหลังขององค์พระประธาน
๓. พระเจ้าค่าคิง พระเจ้ากือนา ทรงโปรดให้สร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ พระเจ้าค่าคิงเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีขนาดเท่าพระวรกายของพระเจ้ากือนา โดยมีหน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.5 เมตร ตามตำนานล้านนากล่าวว่า สร้างขึ้นโดยพระบัญชาของพระราชมารดาของพระเจ้ากือนา เมื่อครั้งที่พระเจ้ากือนา ทรงพระประชวรหนักและ ก็เป็นที่มาของพระนามของพระพุทธรูป พระเจ้าค่าคิงประดิษฐานด้านหน้าพระประธานในพระวิหารหลวง
๔. พระเจ้าเก้าตื้อ เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ศิลปะแบบเชียงแสน ฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัยปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 4.70 เมตร ใช้ทองมีน้ำหนัก 9 ตื้อ สร้างในสมัยพระเมืองแก้ว พ.ศ. 2047 เพื่อเป็นพระประธานในวิหารวัดพระสิงห์วรมหาวิหารเมื่อหล่อเสร็จไม่สามารถชักลากเข้าเมืองได้จึงประดิษฐานเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478
โบราณสถานที่สำคัญ
๒. เจดีย์อนุสาวรีย์(กู่) บรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2490 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในคราวที่ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาได้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดสวนดอกและเพื่อให้ปุถุชนได้สักการบูชา
๓. ธรรมาสน์เทศนาแบบล้านนา ซึ่งเป็นธรรมาสน์ศิลปะแบบล้านนาที่งดงามใช้สำหรับเทศนาธรรมแบบล้านนาในเทศกาลต่างๆ เช่นเทศน์มหาชาติตั้งธรรมหลวง ฯลฯ
๔. ซุ้มประตูวัด มีจำนวนทั้งหมด3ซุ้มซึ่งเป็นซุ้มปราสาทแบบล้านนาขนาดใหญ่สร้างขึ้นสมัยครูบาศรีวิชัยได้บูรณะวัดสวนดอก เมื่อพ.ศ.2474
อาคารเสนาสนะในวัดสวนดอก
๑ . พระวิหารหลวง พระวิหารหลวงมีขนาดกว้าง 12 วา 2 ศอก ยาว 33 วาสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2474 สร้างขึ้นโดยครูบาศรีวิชัยและเจ้าแก้วนวรัฐ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ เป็นวิหารโล่ง ไม่มีผนังแต่มีระเบียงโดยรอบ หน้าบันทั้ง 2 ด้านมีลายปูนปั้นเครือเถาศิลปะแบบล้านนาที่สวยงาม พระวิหารหลวงนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่8 มีนาคม พ.ศ.2478
๒ . พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระเจ้าเก้าตื้อ เป็นพระอุโบสถกว้าง 12 เมตรยาว 27 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2047 เป็นอาคารคอนกรีตก่ออิฐถือปูน ซึ่งเป็นศิลปะแบบล้านนาโดยได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุด เมื่อพ.ศ. 2505 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังโดยจิตรกรรุ่นใหม่เกี่ยวกับพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก
๓ . หอฉัน เป็นอาคารชั้นเดียว กว้าง 8 เมตร ยาว 12 เมตรภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับ เรื่องพระเจ้าสิบชาติ หอฉันนี้สร้างใน ปีพ.ศ. 2519
๔. ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารทรงไทยแบบก่ออิฐถือปูน สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ.2532 เป็นศาลากว้าง 7 เมตร ยาว 27 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พระครูสุคันธศีล (คำแสน อินทจกโก )
๕. อาคารเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยวิทยาเขตเชียงใหม่ (อาคาร1) เป็นอาคาร3ชั้นกว้าง20เมตรยาว40เมตร สร้างเสร็จเมื่อปีพ.ศ.2536
๖. อาคารเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ อาคาร ช้อย นันทาภิวัฒน์ (อาคาร2) เป็นอาคาร 4 ชั้น กว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตรสร้างเสร็จเมื่อพ.ศ.2538
๗. อาคารสถาบันวิทยาบริการ( อาคาร ธีระศักดิ์ ไพโรจน์สถาพร) เป็นอาคารแบบ 3 หลัง สร้างเมื่อปีพ.ศ.2539
๘. ศาลาอเนกประสงค์สมโภชนครเชียงใหม่ 700 ปี เป็นอาคาร 2 ชั้น ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 30 เมตร สร้างเมื่อพ.ศ. 2538
๙. กุฏิสงฆ์ สร้างขึ้นในบริเวณวัดเพื่อเป็นที่พักของพระสงฆ์มีจำนวนทั้งสิ้น 21 หลังกุฏิสงฆ์ มีลักษณะพิเศษคือ ศาลาฝาไหลซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ
รายนามเจ้าอาวาสวัดสวนดอก
เจ้าอาวาสวัดสวนดอกรูปปัจจุบัน คือ..ท่านเจ้าคุณพระอมรเวที
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)